การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ถือเป็นการรักษาที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรักษา ซึ่งเป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ให้เป็นการรักษาที่สามารถทดแทนฟันธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม จะใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน เนื่องด้วยบาดแผลภายในช่องปาก ที่อาจจะทำให้เกิดภาวะแผลหายยาก ซึ่งบาดแผลของผู้ป่วยจะหายช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาช่องปากของผู้ป่วยด้วย มีหลายข้อปฏิบัติที่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาจะแนะนำหลังจากการฝังรากฟันเทียมแล้ว เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้ และให้ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ สิ่งที่ทันตแพทย์จะแนะนำโดยหลักๆคือ ให้รับประทานอาหารที่อ่อน ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้บาดแผลจากการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ไม่เกิดการอักเสบ และไม่เกิดการติดเชื้อ รวมไปถึงไม่เกิดภาวะเสี่ยงรากฟันเทียมหลุดอีกด้วย ทั้งหมดนี้คือวิธีป้องกันและพักฟื้นทำให้บาดแผลหายไวขึ้น และการพักฟื้นที่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาฟื้นตัวได้เร็ว

นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่ส่งผลให้บาดแผลหายเร็วขึ้น หรืออาหารที่มีส่งผลให้แผลประสานตัวกันได้อย่างรวดเร็ว หรือทำให้อักเสบน้อยลง ซึ่งจะทำให้หายจากอาการบาดเจ็บจากบาดแผลได้ไวขึ้น ทั้งนี้การดื่มน้ำมากๆ ก็ส่งผลต่อบาดแผล ซึ่งการดื่มน้ำนั้น จะสามารถช่วยชำรุงสนเรื่องของสุขภาพผิว ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ดี ถือได้ว่าการดื่มน้ำให้มากๆนั้นจะส่งผลที่ดีต่อร่างกาย แต่ในด้านการทันตกรรม การดื่มน้ำมากๆ ภายหลังจากการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม จะส่งผลให้บาดแผลที่ได้จากการผ่าตัดฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณบาดแผลได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำ ทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นซึ่งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการทำงานภายในร่างกาย เช่น การล้างสารพิษออกจากอวัยวะ หรือการนำสารอาหารและออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ รวมถึงประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก เพราะการดื่มน้ำอาจมีส่วนช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่เพิ่มสูงขึ้น ช่วยบำรุงสุขภาพผิว เป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อลื่นข้อต่อเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร มีส่วนช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจปกติ และที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมคือป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อนั่นเอง

สำหรับการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อร่างกายนั้น ซึ่งในทุกๆ วัน ร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านการปัสสาวะ เหงื่อ การหายใจ หรืออื่น ๆ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากดื่มน้ำมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ และอย่างที่ทราบกันทั่วไปว่าการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว นั้นเพียงพอต่อการทำงานของร่างกาย แต่แท้จริงแล้วปริมาณที่เหมาะสมอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ของผู้บริโภค เช่น กิจกรรมที่ทำ เพศและอายุ ซึ่งปริมาณการดื่มน้ำที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ 6-8 แก้วต่อวัน นอกจากเรื่องปริมาณการดื่มน้ำแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายให้ดีขึ้น อาจทำได้โดยการดื่มน้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็คือ หลังตื่นนอน การดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากตื่นนอน ช่วยให้ร่างกายขจัดสารพิษต่าง ๆ และช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายใน หลังจากอาบน้ำ การดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากอาบน้ำ ช่วยลดความดันโลหิตได้ ก่อนมื้ออาหาร การดื่มน้ำ 1 แก้ว 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งดื่มน้ำอีก 1 แก้วหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร แต่น้ำย่อยอาจเจือจางได้หากดื่มน้ำแล้วเว้นช่วงเวลาไว้นานเกินไป ก่อนนอน การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอนช่วยแทนที่ของเหลวที่จะสูญเสียในตอนกลางคืนได้ เห็นไหมว่าการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ส่งผลดีต่อทั้งทางร่างกายและในแง่ของการพักฟื้นภายหลังจากการฝังรากฟันเทียมอีกด้วย