preloader

Blog

ตรวจสอบก่อนทำ อัตราความสำเร็จ ในการฝังรากฟันเทียม

ตรวจสอบก่อนทำ อัตราความสำเร็จ ในการฝังรากฟันเทียม

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า “การฝังรากฟันเทียม” เป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างฟันเทียมทดแทนการสูญเสียฟันแท้ที่เสียไป โดยสมาคมทันตแพทย์ทั่วโลก ยกให้เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีด้านทันตกรรมที่โดดเด่นที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุดทางด้านของนวัตกรรมทางทันตกรรม อย่างไม่มีใครคาใจ

แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีทางเลือกคล้ายกันในการทดแทนฟันแท้ตามธรรมชาติที่สูญเสียไปก็คือ การทำสะพานฟัน และ การใส่ฟันปลอม แต่การฝังรากฟันเทียมก็ถือได้ว่าเป็นวิธีการที่สวยงามที่สุด และยังมีความสามารถในการทดแทนฟันแบบถาวรที่มีลักษณะเหมือนฟันจริงมากที่สุดอีกด้วย

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Idol Smile Dental Clinic จะมาขอไขข้อสงสัยที่หลายๆท่านได้ตั้งคำถามและอยากรู้เป็นอย่างมาก นั่นก็คือ อัตราความสำเร็จของการฝังรากฟันเทียม มีมากน้อยเพียงใด เพื่อทำความรู้จักกับการฝังรากฟันเทียมแบบเชิงลึกให้มากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดไว้ดังต่อไปนี้

 

อัตราความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียม ?

จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องและเป็นทางการของ สมาคมศัลยแพทย์ช่องปากและใบหน้าขากรรไกร ประเทศสหรัฐอเมริกา (AAOMS) ได้กล่าวไว้อย่างน่าตกใจเกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของการฝังรากฟันเทียมว่า ความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียมนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันเป็นสำคัญ โดยอัตราความสำเร็จโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 95% ในบุคคลธรรมดา แต่เนื่องจากว่าการฝังรากฟันเทียมนั้นจะต้องฝังลึกเข้าไปที่กระดูกขากรรไกร จึงไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยบางราย ซึ่งอัตราความสำเร็จก็จะลดน้อยลงไปด้วยในบุคคลบางกลุ่ม เช่น ในกลุ่มผู้ป่วยที่สูบบุหรี่เป็นประจำ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยความเหมาะสมในการฝังรากฟันเทียมนั้น ทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่ามีอัตราความสำเร็จมากน้อยเพียงใด และควรรับการรักษาด้วยวิธีการใดถึงจะเหมาะสมและดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย

 

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม ?

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีว่าการทำรากฟันเทียมนั้นจะให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์ที่เหมือนกับฟันจริงตามธรรมชาติมากๆ จึงทำให้ผู้ที่ทำการฝังรากฟันเทียมรู้สึกเกิดความมั่นใจมากกว่าการใส่ฟันปลอมประเภทอื่นๆ ซึ่งหลายๆท่านที่สูญเสียฟันหน้าไปมักเกิดความอายไม่มั่นใจส่งผลให้เสียบุคลิก แต่หลังจากทำการฝังรากฟันเทียมแล้วก็จะกลับมามั่นใจได้อีกครั้ง แต่นอกเหนือจากเหตุผลด้านความสวยงามแล้ว การใส่รากฟันเทียมจะทำให้คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้สะดวกไม่กังวลเหมือนการใส่ฟันปลอมแบบอื่น เพราะ การใส่รากฟันเทียมนั้นติดแน่นไม่ต่างจากฟันจริงตามธรรมชาติเลย เพราะ เสาไทเทเนียมที่ยึดติดในส่วนลึกของกระดูกขากรรไกร ทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนที่หรือหลุดออกได้ง่ายแบบฟันปลอมปกติทั่วไป และที่สำคัญเลยคือ ไม่มีผลกระทบต่อฟันรอบข้าง เพราะไม่ใช่การยึดติดที่ต้องให้ฟันรอบข้างมาช่วยเหลือในการค้ำฟันเหมือนการทำสะพานฟันอีกด้วย

 

 

การดูแลหลังการใส่รากฟันเทียมที่ถูกต้อง ?

ต้องขอบอกเลยว่าการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปาก คือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการฝังรากฟันเทียม ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่า รากฟันเทียม มีอายุการใช้งานกี่ปี แต่โดยเฉลี่ยที่ได้ทำการศึกษาวิจัยแล้ว รากฟันเทียมสามารถมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี อยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 90% และ สามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 15 ปี โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80%

ซึ่งการดูแลรักษาหลังจากที่ได้ทำการใส่รากฟันเทียมแล้วนั้น ถือว่าง่ายกว่าฟันปลอมแบบชนิดอื่นๆ เพราะ ให้คิดไว้เลยว่ารากฟันเทียมที่สวมใส่อยู่ คือ ฟันจริงตามธรรมชาติ โดยให้ทำการดูแลแบบเดียวกัน คือ แปรงฟันให้ถูกต้องและสะอาดทั่วถึง วันละ 2 ครั้ง (ตื่นนอน – ก่อนนอน) และให้ทำการใช้ไหมขัดฟันทุกวันหลังจากแปรงฟันก่อนนอนเสร็จแล้ว พยายามไม่กัดของที่แข็งมากๆ เช่น น้ำแข็ง เศษหินเศษกรวดในข้าว กระดูกอ่อน เป็นต้น เพราะต่อให้ฟันที่แข็งแรงเพียงใด หากกัดสิ่งของที่แข็งก็จะเสื่อมสภาพได้ง่ายและโดยเร็วได้นั่นเอง

หลังจากที่ได้ทำการฝังรากฟันเทียมมาใหม่ๆ ประมาณ 1 เดือน ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีความแข็งและเหนียว ให้พยายามรับประทานของอ่อนๆ และที่สำคัญพบทันตแพทย์ให้ครบทุกครั้งที่มีการนัดหมาย รวมถึงตรวจสุขภาพช่องปากทุกๆ  6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพียงเท่านี้ท่านจะหมดปัญหาในช่องปากเพิ่มขึ้นและยืดอายุของรากฟันเทียมได้อีกนาน